(อาจารย์เชาวนี) โอเค แต่ว่าลดเสียงอีกได้ไหมคะ เสียงสะท้อนที่ในห้องเรียนค่ะ ฮัลโหล โอเคค่ะ ได้แล้วนะคะ ทีนี้ดูนะคะ วันนี้สิ่งที่เราจะเรียน วัตถุประสงค์ที่เราจะเรียนมี 2 ข้อด้วยกัน วันนี้ เราจะต้องบอกความหมายของประพจน์ บอกความหมายของประพจน์ได้นะคะ ประพจน์คำนี้ เคยเห็นไหม คำศัพท์คำนี้เคยเห็นไหมคะ เคยเห็นไหมอาย อายเคยเรียนอยู่โรงเรียนปกติมาใช่ไหมลูก ม.3 ม.3 นะคะ มีเรียนเรื่องประพจน์อยู่นะ นี่คำนี้นะคะ เราจะต้องบอกความหมายของประพจน์ได้ และข้อ 2 เราจะต้องจำแนกข้อความนะคะ ว่าเป็นประพจน์หรือไม่เป็นประพจน์ได้ คำว่า "ประพจน์" คืออะไรลูก คำว่าประพจน์คืออะไร แล้วมันเกี่ยวข้องกับตรรกศาสตร์อย่างไรนะคะ ดูนะ ประพจน์นะคะ มันก็คือข้อความหรือว่าประโยคนะลูก ที่อยู่ในรูปของประโยคบอกเล่า ประโยคบอกเล่านะคะ หรือประโยคปฏิเสธ ที่มีค่าความจริง ค่าความจริงคืออะไร ค่าความจริงมีอยู่ 2 ค่าด้วยกัน ก็คือจริงกับเท็จนะคะ มีอยู่ 2 อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น ประโยคมีอะไรบ้าง ประโยค ประโยคมีอะไรบ้างลูก อย่างเช่น ประโยคบอกเล่า พระอาทิตย์ขึ้นทิศตะวันออกนะ ตอนเช้านี่นะ ลูกสังเกตพระอาทิตย์ไหม มันขึ้นทางทิศอะไร พระอาทิตย์ขึ้นทิศอะไร ตอนเช้า ให้ดูล่ามลูก ไม่ใช่ดูครู ดูนะ ดูพี่ล่าม ตอนเช้าพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก มีไหม ขึ้นทิศอื่นมีไหม ไม่มี ตั้งแต่เกิดมานะคะ เราอาจจะเห็นว่าพระอาทิตย์นี่ ขึ้นทางทิศตะวันออกตลอดเลยนะคะ เพราะฉะนั้น ข้อความนี้เป็นประโยคบอกเล่า แล้วก็เป็นจริงด้วยใช่ไหมคะ เพราะว่ามันขึ้นทางทิศตะวันออก ตลอดเลยนะ อีกประโยคหนึ่ง 1 สัปดาห์ 1 สัปดาห์นะคะ มี 7 วัน นักเรียนว่ามันใช่ไหม สัปดาห์หนึ่งมีกี่วันลูก สัปดาห์หนึ่ง ใช่แล้วนะคะ สัปดาห์หนึ่งนี่มี 7 วัน มี 7 วัน เพราะฉะนั้น ประโยคนี้เป็นประโยคบอกเล่า มีค่าความจริง เป็นจริงนะคะ เป็นจริง อีกประโยคหนึ่ง ธงชาติ ธงชาติไทยมี 5 สี นักเรียนว่าถูกไหม ธงชาติไทยมีกี่สี มีกี่สีลูก ธงชาติ มีกี่สีคะ 3 สี ใช่ ๆ สีอะไร สีอะไร มีสีอะไร สีแดง สีขาว สีน้ำเงิน ถูกต้อง มันมีจะมีริ้วทั้งหมดอยู่ 5 ริ้ว แต่สีนะลูก มันมีอยู่ 3 สีนะคะ เมื่อกี้ที่ครูบอกว่าธงชาติไทยมี 5 สี แสดงว่าผิดหรือถูก แสดงว่าเท็จ ใช่ มันเป็นเท็จนะคะ มันเป็นเท็จ ไม่ว่าค่าความจริงเป็นจริงหรือเป็นเท็จนะคะ เมื่อเป็นประโยคบอกเล่า มันจะคือประพจน์นะคะ มันถึงจะเป็นประพจน์ได้ โอเคนะ ทีนี้ครูจะถามนักเรียนว่า... ว้าว สวยจัง มันเป็นประโยคอะไร มันมีค่าความจริงไหม ไอ้คำว่า "ว้าว สวยจัง" น่ะ มันเป็นจริงหรือมันเป็นเท็จลูก บอกได้ไหม ไม่ต้องหัวเราะอาย ว้าว สวยจัง จริงหรือเท็จ เท็จ บอกว่าตัวเองเป็นเท็จนะคะ แสดงว่าตัวเองไม่สวยเหรอ แสดงว่าอายไม่สวยเหรอ มันไม่ได้เจาะจงนะคะ ว่าใครหรืออะไรสวย เพราะฉะนั้น เราไม่สามารถตอบได้ว่าจริงหรือเท็จนะคะ ข้อนี้ไม่ใช่ประโยคบอกเล่า ไม่ใช่ประโยคปฏิเสธ แต่เป็นประโยคอะไร เป็นอุทานนะคะ เป็นประโยคอุทาน เป็นประโยคอุทาน เหมือนกันกับเวลาที่เราเดิน เดิน ๆ ๆ ไป แล้วเห็น... เห็นรถขับมาฟิ้วเลย แล้วมีคนขับหล่อมาก แล้วนักเรียนบอก หูย สุดยอด หล่อมาก คำนี้เป็นคำอะไร เป็นคำ... เอ้า แล้วมันมีค่าความจริงไหม เป็นคำบอกเล่าเหรอ จริง ๆ เป็นคำอุทานนะ เป็นคำพูดที่เราพูดขึ้นมาด้วยอาการที่ว่า เออ มันตกใจ มันเห็นแล้วมันว้าวนะคะ มันจะเป็นคำอุทานที่คิดขึ้นมา แล้วมันไม่มีค่าความจริง มันไม่สามารถบอกได้ว่ามันเป็นจริงหรือเป็นเท็จ เพราะฉะนั้น คำอุทานนี่ มันไม่ใช่ประพจน์ มันไม่ใช่ประพจน์เลยนะคะ ทีนี้ถ้าทางคณิตศาสตร์ ครูบอกว่า 3 + 5 = 10 ลูกว่ามันหาค่าความจริงได้ไหม มันบอกได้ไหมว่ามันเป็นจริงหรือเท็จ 3 + 5 ฝั่งด้านนี้มันได้เท่าไรลูก รวมได้เท่าไรคะ 3 กับ 5 ได้ 8 อันนี้ล่ะ ฝั่งหนึ่งได้ 10 มันเท่ากันไหม มันเท่ากันไหม มันไม่เท่า เพราะฉะนั้น ถามว่ามันเป็นจริงหรือเป็นเท็จ ค่ามันเป็นเท็จนะคะ มันเป็นเท็จ เป็นประโยคบอกเล่า ที่เขาเขียนโจทย์ขึ้นมานะคะ แล้วหาค่าความจริงได้ บอกได้ว่ามันเป็นจริงหรือมันเป็นเท็จนะ ดูดี ๆ นะ ประพจน์จะเป็นประพจน์ได้ก็ต่อเมื่อเป็นประโยคบอกเล่าหรือประโยคปฏิเสธนะคะ และจะต้องมีค่าความจริง ค่าความจริงมีอยู่ 2 ตัวเท่านั้น จริง เท็จ นอกเหนือจาก 2 ค่านี้ แสดงว่าไม่ใช่ประพจน์แล้ว หาคำตอบไม่ได้ ไม่รู้ว่าคำตอบเป็นจริงหรือเป็นเท็จนะคะ หรือว่าเป็นประโยคอื่น ๆ เมื่อกี้เป็นประโยคอุทานใช่ไหมคะ แล้วถ้าครูบอกว่ากรุณาถอดรองเท้าก่อนเข้าห้อง กรุณาถอดรองเท้าก่อนเข้าห้องนะ นักเรียนว่ามันเป็นประโยคอะไร มันมีค่าความจริงไหมคะ ประโยคนี้ หาได้ไหม หาได้ไหมคะอาย กรุณาถอดรองเท้านะคะ ก่อนเข้าห้อง เป็นประโยคบอกเล่าหรือปฏิเสธ กรุณานะลูก มีคำว่า "กรุณา" มันเป็นประโยคอะไร ประโยคขอร้องนะคะ ประโยคนะคะ มันจะมีหลายประโยคมากเลย ประโยคขอร้องนะเมื่อกี้ ก็คือขอแหละ นักเรียน ๆ กรุณานะคะ ขอเถอะ ถอดรองเท้าวางไว้อยู่นอกห้อง ไม่ต้องเอาเข้ามา... ไม่ต้องเอาเข้ามาในห้องเรียนนะคะ เป็นประโยคขอร้อง ซึ่งไม่มีค่าความจริง บอกไม่ได้ว่ามันเป็นจริงหรือเท็จนะคะ มันตอบไม่ได้ เพราะฉะนั้น ประโยคเมื่อกี้นี่ มันไม่เป็นประพจน์ ไม่ใช่นะคะ ประโยคมีหลายประโยค เห็นไหมนี่ เราได้เรียนไหมคะ วิชาภาษาไทย โครงสร้างประโยค ประโยคบอกเล่าง่าย ๆ นะ ประโยคปฏิเสธ ไม่ ๆ ฉันไม่ไป ประโยคปฏิเสธ ก็คือต้องมี "ไม่" นะลูก ไม่ทำ ไม่กิน ไม่นอน ไม่... ไม่อะไรต่าง ๆ ต้องมีคำว่า "ไม่" ก็คือปฏิเสธนะคะ คำนี้ก็คือปฏิเสธเลย คำสั่ง นักเรียนทุกคนต้องตื่นเวลาตี 5 ต้องตื่น คำว่า "ต้อง" นี่ คือ คำสั่ง ต้องทำนะคะ ต้องทำ เป็นประโยคคำสั่ง คำแต่ละประโยคนะคะ มันก็จะมีสัญลักษณ์บอกว่ามันเป็นปฏิเสธหรือว่าเป็นคำสั่งนะ ถ้าเป็นปฏิเสธต้องมีคำว่า "ไม่" แล้ว ถ้าเป็นคำสั่งจะต้องทำอย่างนี้นะคะ ประโยคขอร้อง “ช่วย” ช่วยทำอันนั้น ช่วยทำอันนี้หน่อย และประโยคคำถามคืออะไร วันนี้กินข้าวหรือยัง วันนี้อายกินข้าวหรือยัง กินหรือยังลูก กินแล้ว แต่มันไม่มีความจริงหรือเท็จนะคะ มันบอกไม่ได้ ถามแค่นั้นเอง ถามวิวนะ วิวชอบเรียนวิชาอะไร วิวน่ะ ชอบเรียนวิชาอะไร ตอบให้ครูชื่นใจใช่ไหมนี่ ชอบเรียนคณิตศาสตร์นะคะ ดีมาก เดี๋ยวให้คะแนนบวกไปเลย ดีไหม อันนี้คือประโยคคำถาม คือ ถามเพื่อต้องการคำตอบนะคะ ทีนี้ประโยคอุทาน ก็ที่ครูพูดตัวอย่างไปแล้ว อุ๊ย อุ๊ย สวยจัง ว้าว มันยอดมาก พวกนี้มันเป็นประโยคอุทานนะคะ ซึ่งประโยคต่าง ๆ เหล่านี้ ถ้าจะเป็นประพจน์ นี่ฆ่าออกไปได้เลย 4 ประโยคนี้นะคะ ยังเหลืออยู่ ประโยคบอกเล่ากับประโยคปฏิเสธ อันนี้เราจะเช็กก่อนเลยว่ามันเป็นประโยคบอกเล่าหรือประโยคปฏิเสธนะคะ ถ้าเราเช็กแล้ว ไปหาค่าความจริงทีนี้ ค่าความจริงนะคะ มันเป็นอยู่ 2 ประโยคนี้ ไปหาว่ามันมีค่าความจริงหรือเปล่า มันเป็นจริงหรือมันเป็นเท็จ เลือกได้ 2 อย่างนะคะ ถ้าพบว่าประโยคนั้นน่ะเป็นจริง ก็เป็นประพจน์เหมือน ถ้าประโยคนั้นเป็นเท็จ ก็เป็นประพจน์เหมือนกัน แต่นะ ถ้าประโยคนั้นมันหาค่าความจริงไม่ได้เลย บอกไม่ได้ แสดงว่าไม่เป็นประพจน์นะคะ แค่นั้นเอง วิชานี้แค่เป็นวิชาที่หาความจริงนะ ว่ามันเป็นจริงหรือมันเป็นเท็จ นักเรียนดูภาพ อะไรน่ะลูก กลัวไหม เคยเห็นไหม ใครเคยเห็นบ้าง ใครเคยเห็นบ้าง มีเหรอ เคยไปเที่ยว เคยเห็น เคยเห็นไหมลูก เยอะไหม เรากลัวหรือเปล่า ตอนไปเที่ยว เห็นแล้วนะคะ อันนี้ก็คือจระเข้ ใช่ จระเข้ แต่ว่าจระเข้น่ะ ประโยคเขาเขียนมาให้ เขาบอกว่าจระเข้เป็นสัตว์เลื้อยคลานกลุ่ม กลุ่มนะคะ มันก็จะแบ่ง สัตว์บก สัตว์น้ำ สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ สัตว์เลื้อยคลาน เขาบอกว่านี่ จระเข้เป็นสัตว์เลื้อยคลาน อันนี้เป็นประโยคบอกเล่าแน่นอน อันนี้เป็นประโยคบอกเล่าแน่นอนนะคะ เป็นประโยคบอกเล่า เขาก็เรียกว่าเป็นประโยคบอกเล่านี้ ทีนี้เรามาดูว่าไอ้ประโยคที่เขาบอกมานี่ มันมีค่าความจริงเป็นจริงหรือเป็นเท็จ ลูกว่ามันถูกไหม จระเข้เป็นสัตว์เลื้อยคลานไหมลูก มันเลื้อยคลานไปไหม ใช่ไหมคะ ส่วนมากนักเรียนจะตอบ นักเรียนจะมีความรู้แค่ว่ามันเป็นสัตว์ที่เหมือนกับมันอยู่ในน้ำด้วย แล้วมันสามารถคลานขึ้นมาบนบกได้ใช่ไหม ใช่ไหมจระเข้น่ะ นักเรียนเห็นไหม มันขึ้นมาแล้วก็อาบแดด แล้วก็นอนอ้าปาก อาบแดดอยู่ นักเรียนก็เข้าใจว่ามันเป็น… เป็นสัตว์อะไร ครึ่งบกครึ่งน้ำ แต่จริง ๆ นะ แต่จริง ๆ มันเป็นสัตว์เลื้อยคลานนะคะ สัตว์เลื้อยคลานมีอะไรบ้างลูก ลูกว่าสัตว์เลื้อยคลานมีอะไรบ้าง ที่เห็นชัดมากเลย ที่มันเลื้อย ๆ ๆ ไป คืออะไร คืออะไรคะ อีกประเภทหนึ่ง ใช่ งู งูก็เป็นสัตว์เลื้อยคลานนะลูก งูนี่มันจะเลื้อยเห็นชัดมากเลย แต่จระเข้นะลูก ลูกน่ะจะต้องมีความรู้นะ จระเข้นี่ สังเกตดี ๆ นะคะ เวลาเขาแบ่งกลุ่ม เขาเป็นสัตว์เลื้อยคลาน ไม่ใช่สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ เพราะฉะนั้น ประโยคนี้นะลูก ประโยคนี้มีค่าความจริงเป็นจริงนะคะ เพราะจระเข้จัดในกลุ่มของสัตว์เลื้อยคลานนะคะ เมื่อไหร่ก็ตาม เราสามารถบอกว่า นี่ ประโยคหรือข้อความนี้เป็นประโยคบอกเล่า และก็หาข้อความจริงได้ เพราะฉะนั้น เราจะตรวจสอบว่ามันเป็นประพจน์หรือเปล่า ลูกว่ามันเป็นหรือไม่เป็น อันนี้ ไม่เป็นเหรอ เป็นลูก อายตอบถูกนะคะ วันนี้อายตอบถูก แต่อีก 3 คนยังไม่ใช่นะคะ มันง่าย ๆ 1. ถ้ามันเป็นประโยคบอกเล่าหรือปฏิเสธอยู่ในกลุ่มนี้นะคะ เสร็จแล้วอันที่ 2 ไปดูมันมีค่าความจริงไหม มันจริงหรือมันเท็จ เมื่อไหร่ที่มันมี 2 ตัวนี้ ตอบโจทย์ได้ 2 ตัวนี้ มันเป็นประพจน์นะคะ มันจะเป็นประพจน์ ทีนี้ดูใหม่นะ อะไร เดือนอะไร เดือนอะไรนะ ใช่ มี 30 วัน ประโยคนี้ เขาบอกเป็นประโยคบอกเล่า นี่ เวลาแบ่งประโยคนะคะ และมันเล่า มันบอก มันบอกนะคะ เป็นประโยคบอกเล่า ความจริงเป็นอะไร มัน 30 วันจริงไหม ลูกว่าเดือนสิงหาคมมีกี่วัน มีเท่าไร จริง ๆ น่ะ เดือน... เดือนที่ลงท้ายด้วย "คม" มีกี่วันลูก ดูนะ เดือน 12 เดือน มันจะมีเดือนที่ลงท้ายด้วย “คม” ด้วย “ยน” แล้วก็ “พันธ์” นะคะ มีเดือนเดียว คือ กุมภาพันธ์ อันนี้มีกี่วันที่ลงท้ายด้วย “คม” มีกี่วัน 30 เหรอ อันนี้เท่าไรลูก 31 เอ้า แสดงว่านับเดือนถูก มีเท่าไร ลอกเพื่อนใช่ไหม มีกี่วัน เดือนสิงหาคมมีกี่วันลูก นี่ สิงหาคม มี 31 วัน ใช่ สิงหาคม มกราคม อะไรอีกที่ลงท้ายด้วย “คม” พฤษภาคม พวกนี้ลงท้ายด้วย “คม” สังเกตง่าย ๆ เดือนเป็นประโยคบอกเล่าแล้ว แต่ประโยคนี้ เขาบอกว่ามี 30 วัน เพราะฉะนั้น ประโยคนี้มีค่าความจริงเป็นอะไรคะ จริง เท็จ ตอบไม่ได้ มันเป็นเท็จ เมื่อไหร่ก็ตาม ที่ค่าความจริงมันเป็นจริงหรือเป็นเท็จ เป็นประโยคบอกเล่า เพราะฉะนั้น เป็นอะไรคะ เป็นหรือไม่เป็นประพจน์ เป็นประพจน์นั่นเอง โอเคนะ ก็คือตัวนี้ เดือนสิงหาคม มี 30 วัน เป็นประพจน์ ทีนี้ครูจะให้นักเรียนช่วยกันคิด ดูนะ ครูให้มา 4 ข้อ ในจอนะคะ นักเรียนช่วยกันสิว่าประโยคต่อไปนี้ มันเป็นประโยคอะไร มันเป็นประโยคบอกเล่า ประโยคปฏิเสธ ประโยคขอร้อง ประโยคคำสั่งหรือเปล่านะคะ แล้วมันหาค่าความจริงได้ไหม ให้นักเรียนดูนะคะ 5 + 5 = 11 หาค่าความจริงได้หรือเปล่า ค่าความจริงเป็นจริง เป็นเท็จนะคะ หรือว่าตอบไม่ได้ ให้นักเรียนเขียนประโยคนะคะ ฝั่งด้านนี้มาใส่กรอบสี่เหลี่ยมฝั่งขวามือนะลูก กรอบนี้คือประพจน์ กรอบข้างล่างไม่เป็นประพจน์ นักเรียนดู คุยกันดูนะว่านี่ข้อที่ 1 นี่ มันเป็นหรือไม่เป็น นักเรียนว่ามันเป็นไหม ไม่เป็นเหรอ ถาม ถาม 5 + 5 = 11 มันหาค่าความจริงได้ไหม มันเป็นจริงหรือมันเป็นเท็จ 5 + 5 = 11 จริงหรือเท็จ 5 + 5 ได้เท่าไร ถูกต้อง 5 + 5 = 10 5 กับ 5 = 10 ฝั่งด้านนี้ = 11 เพราะฉะนั้น เป็นจริงหรือเป็นเท็จ เป็นเท็จ เมื่อมันเป็นเท็จนะคะ แล้วก็สามารถบอกแล้วก็หาค่าความจริงได้ มันจะต้องมาอยู่ในกลุ่มไหน ในกลุ่มประพจน์ เราก็ลอกประโยคนี้เลยนะคะ ข้อ 1 มาใส่ตรงนี้ มาใส่ช่องประพจน์แล้วใส่ค่าความจริง เมื่อกี้เราหาได้แล้ว ค่าความจริงเป็นเท็จนะคะ แล้วก็วงเล็บหลังประโยคนะคะ วงเล็บหลังประโยคแล้วก็เขียนเท็จนะคะ หรือต่อไปนักเรียนจะเห็นสัญลักษณ์ ถ้าเมื่อไหร่ข้อความนั้น มันมีค่าความจริงเป็นจริง เขาจะใช้สัญลักษณ์ตัว T ใหญ่แทน ถ้าสมมติว่าประโยคนี้เป็นจริงปุ๊บ เขาจะใช้ตัว T เลย เป็นค่าความจริง แต่ถ้าดูแล้วประโยคนี้มันเป็นเท็จ มันเป็นเท็จ เขาจะใช้ภาษาอังกฤษตัว F ตัวนี้ เขียนแทนคำภาษาไทยนะคะ จริง ตัว T เท็จ F นะคะ รู้แล้วนะข้อแรก มันจะอยู่ในช่องเป็นประพจน์ ค่าความจริงเป็นจริงหรือเท็จนะ เมื่อกี้ที่นักเรียนบอก ไม่จริงนะคะ ก็คือเท็จ เพราะว่าฝั่งหนึ่ง 10 อีกฝั่งหนึ่ง 11 มันไม่ใช่นะคะ มันไม่ใช่ความจริง ข้อ 2 ห้าม ดูประโยคเลยนะ คำนี้ ห้ามไว้ก่อนเลยนะคะ ห้ามใช้โทรศัพท์เวลาพบหมอ เป็นประโยคอะไร ห้าม ประโยคอะไรลูก ประโยคอะไรเมื่อกี้ ห้ามใช้โทรศัพท์เวลาพบหมอ คำว่า "ห้าม" นะลูก มันเป็นคำสั่ง นี่ คำสั่ง มันเป็นประโยคปฏิเสธ เพราะฉะนั้น มันจะต้องเป็นหรือไม่เป็นประพจน์นะคะ ไม่เป็นประพจน์นะคะ ไม่เป็นประพจน์ เพราะมันไม่ได้อยู่ใน 2 ประโยคนี้ มันไม่ได้อยู่ใน 2 กลุ่มนี้ คำว่า “ห้าม” เป็นคำสั่ง ห้าม ต้อง พวกนี้นะคะ เป็นคำสั่ง ประโยคที่ 2 เอาไปใส่ไหนลูก เอาไปใส่ช่องข้างบน หรือช่องนี้ บนหรือล่าง เอามาใส่ช่องข้างล่าง ก็คือไม่เป็นประพจน์ เมื่อไหร่ก็ตาม ที่มันไม่เป็นประพจน์ มันจะหาค่าความจริง ก็คือตอบไม่ได้ เพราะฉะนั้น นักเรียนก็ค่าความจริงตอบไม่ได้ตรงนี้ มาใส่วงเล็บนะคะ ข้างหลังประโยค หลังจากที่เขียนลงไปแล้วนะคะ เอาค่าความจริงตรงนี้ที่ว่าตอบไม่ได้นี่ มาต่อท้ายประโยคนี้ โอเคไหม ข้อ 3 ครูเชาวนีสอนวิชาคณิตศาสตร์จริงไหมลูก ครูเชาวนี ครูปิ๊กนี่ ครูนี่ สอนวิชาคณิตศาสตร์ใช่ไหม ใช่ มันหาข้อความจริงได้ มันเป็นจริง เพราะฉะนั้น อยู่ไหนคะ ประพจน์หรือไม่เป็นประพจน์ อันไหนลูก ถูกต้อง ก็เอาประโยคนี้นะคะ มาใส่ช่องประพจน์ และใส่ค่าความจริงเป็นจริงนะคะ ก็คือตัว T สุดท้าย ช่วย ประโยคที่ 4 ช่วยยกของให้ครูหน่อย คำว่า “ช่วย” เป็นประโยคอะไร ประโยคขอร้อง ถามว่าขอร้องนะคะ มันใช่ไหม นี่ ขอร้องมันอยู่นี่ แสดงว่า ถ้าเป็นประโยคขอร้อง ไม่ใช่ประพจน์แล้ว ถูกไหม พอไม่ใช่ประพจน์นะคะ มันหาค่าความจริงไม่ได้ ลูกเอาไปใส่ช่องไหน บนหรือล่าง ไม่เป็นประพจน์นะคะ พอไม่เป็นประพจน์ ค่าความจริง ก็คือตอบไม่ได้ โอเคนะ เดี๋ยวนักเรียนนะคะ เอา... เดี๋ยวครูจะให้ทำแบบฝึกหัดอันนี้ ใส่ลงไปในสมุดของตัวเอง อันนี้เข้าใจไหมคะ ที่ครูอธิบาย เข้าใจนะ ให้เลือกนะคะ ประโยคทางซ้ายมือนี่ 4 ประโยคนี้ เอามาใส่ในช่องกรอบนี้ให้ถูกต้อง โอเคไหม เวลานักเรียนเขียนนะคะ ให้นักเรียนเขียนตั้งแต่ข้างบนลงมาข้างล่าง เสร็จแล้ว ประพจน์ตรงนี้ สมุดน่ะ ลูกอาจจะเขียนไม่พอ ให้ลูกเลื่อนนะคะ กรอบนี่ลงมาต่อท้าย ลงมาต่อท้ายนะ แล้วก็ค่อยเขียนประโยคลงไปใส่ โอเคนะ เข้าใจนะคะ ถามไหม มีใครสงสัยหรือเปล่า โอเค เริ่มทำเลยนะคะ ลูก ๆ คะ ตัวนี้ประโยคในจอนะคะ ครูปิ๊กเฉลยให้แล้ว ทุกคนตอบถูกไหม ตอบถูกหรือเปล่า ดูนะคะ ตัวนี้คือตัวที่ลูก ๆ ได้ฝึกและก็ช่วยกันคิด แต่โจทย์ที่ครูปิ๊กเขียนบนกระดานนะคะ มีทั้งหมดอยู่ 10 ข้อด้วยกัน ครูจะให้นักเรียนออกมา ออกมาทำทีละคน ทำทีละคนนะคะ มีทั้งหมดอยู่ 10 ข้อ เรามีอยู่ 4 คน เพราะฉะนั้น ครูปิ๊กจะแบ่งให้คนละ 3 ข้อ เอ๊ย ไม่ใช่สิ 2 คนได้ 3 อีก 2 คนได้ 2 ข้อนะคะ ดูนะ ดูที่กระดานนะคะ ดูตัวอย่างก่อน ประโยคที่ครูปิ๊กให้มา 1. นะคะ วันนี้เป็นวันอะไร ดูนะ ดูพี่ล่ามนะคะ แล้วก็ดูภาษามือ วันนี้เป็นวันอะไร มันหาคำตอบได้ไหมลูก มันตอบเป็นวันนะคะ จันทร์ วันอังคาร วันพุธ มันไม่ได้ตอบว่าจริงหรือไม่จริงใช่ไหม เพราะฉะนั้น อันนี้ค่าความจริงเป็นอะไรคะ พี่อายออกมาเขียนข้อ 1 เพื่อน ๆ ดูนะว่าอายทำถูกหรือเปล่า ใช่ พี่อายบอกว่าค่าความจริงตอบไม่ได้ เมื่อไหร่ก็ตามที่ค่าความจริงมันตอบไม่ได้ มันไม่เป็นประพจน์ ตอบได้ทันทีเลยนะคะ ว่าไม่เป็นประพจน์ ทีนี้ดูข้อ 2 นะคะ ให้อายทำต่อไป ข้อ 2 นักเรียนดูนะคะ ประโยคนี้ ว้าว สวยจัง มันหาคำตอบได้ไหม หาคำตอบได้ไหมอาย ตอบไม่ได้นะคะ เป็นหรือไม่เป็นประพจน์ลูก ต่อไปข้อที่ 3 ของอายนะคะ ทำข้อนี้นะลูก 1 ปี มี 12 เดือน 1 ปี มี 12 เดือน จริงหรือเปล่า จริงไหม หาคำตอบได้ไหมลูก 1 ปีมี 12 เดือนจริงหรือเปล่า จริงไหมคะอาย จริง เพราะฉะนั้น ค่าความจริง ก็คือจริงนะคะ เมื่อไหร่ก็ตามที่เราหาค่าความจริงได้นะคะ หาค่าความจริงได้ มันก็คือประพจน์นะคะ ประโยคนี้เป็นประพจน์ เก่งมากนะคะ อายตอบถูกทั้ง 3 ข้อเลย ตบมือให้เพื่อนหน่อย ต่อมา เชิญค่ะ ออกมาผู้โชคดีได้ 3 ข้อ ดูนะ ประโยคนี้นะคะ ข้อนี้ ห้ามใช้โทรศัพท์เวลาไปพบหมอ ตอบได้ไหม ตอบได้ไหมคะ ออกมาเขียนเลย อายดูของตัวเองด้วยนะคะ ที่เฉลยว่าถูกไหมนะคะ ให้ตรวจของตัวเอง ใช้ปากกาแดงตรวจได้เลยนะคะ เมื่อมันตอบไม่ได้ มันเป็นประพจน์หรือไม่เป็นประพจน์ลูก ไม่เป็นประพจน์ ถูกต้อง ข้อที่ 2 นะคะ ของหนูนะลูก ขอที่... ข้อนี้นะ ดูนะ ยังไม่เสร็จนะ 10 x 2 = 20 มันหาคำตอบได้ไหมลูก มันจริงหรือไม่จริง 10 x 2 เป็นเท่าไรคะ คูณ ไม่ใช่บวก คูณลูกคูณ การคูณ 10 x 2 เป็นเท่าไร เท่าไรนะ เป็น 20 10 x 2 = 20 จริงหรือไม่จริง จริงไหมลูก จริง เขียนลงไป เมื่อมันมีค่าความจริง เพราะฉะนั้น เป็นหรือไม่เป็นประพจน์ ถูกต้องนะคะ เป็นประพจน์ ข้อสุดท้ายของหนูนะลูก 9 ดู ๆ ๆ พี่ล่าม 9 เป็นจำนวนคี่ 9 นี่เป็นจำนวนคี่ ค่าความจริงเป็นอะไร จำนวนคี่นะคะ 9 นี่มันเป็นจำนวนคี่ใช่ไหม 9 มันหาคู่ไม่มีใช่ไหมลูก เพราะว่าลูกเอามือ... เอานิ้วมือขึ้นมาทั้งหมด 9 นิ้วใช่ไหม ลูกก็สามารถจับคู่ให้มันได้นะ ทีละ 2 นะ จับคู่ไป อันนี้ได้ 1 แล้วนะ 2 3 4 มีอยู่ 4 คู่ แต่อีกนิ้วหนึ่ง มันเหลืออยู่ลูก มันไม่มีคู่ เพราะฉะนั้น มันเป็นจำนวนคี่ จริงหรือไม่จริง จริงหรือไม่จริง จริงนะคะ มาเขียน ไม่ต้องตื่นเต้น ให้เพื่อนเขียนเสร็จก่อน ออกมาเลย เก่งมากลูก ไป นั่งที่นะคะ ดูพี่ล่ามดี ๆ นะ ประโยคนี้ ใคร ใครลืมกระเป๋า ตอบเป็นจริงหรือไม่จริงได้ไหม อันไหนลูก จริง ไม่จริง ตอบไม่ได้ อันไหน ใครลืมกระเป๋า มันเป็นประโยคคำถามนะคะ เป็นประโยคคำถาม เราต้องตอบมีใครนะคะ อาจจะเป็นของอายนะคะ หรือเป็นของวิว หรือเป็นของครูปิ๊ก เป็นของใครก็ได้ เพราะฉะนั้น เราตอบไม่ได้ว่ามันเป็นจริงหรือมันไม่จริง ใครลืมกระเป๋า เราจะเลือกอันไหน จริง เท็จ ตอบไม่ได้ อันไหนลูก ตอบไม่ได้นะคะ เขียน เมื่อไหร่ก็ตาม เมื่อไหร่ก็ตามที่ค่าความจริงมันตอบไม่ได้นะลูก เมื่อไหร่ก็ตามที่มันตอบไม่ได้ เพราะฉะนั้น มันจะไม่เป็นประพจน์ใช่ไหม มีทางเลือกอยู่ทางเดียวเท่านั้น ถ้าตอบไม่ได้ ก็คือไม่เป็นประพจน์นะคะ อันนี้ตอบได้แล้วนะ ไม่เป็นประพจน์นะคะ เดี๋ยวมาเขียนลงไปเลย ข้อต่อมานะคะ 1 สัปดาห์ ดูนะ 1 สัปดาห์ มี 7 วัน 1 สัปดาห์มี 7 วัน ถามว่าค่าความจริง จริง เท็จ หรือตอบไม่ได้ ตอบอะไรลูก ตอบไม่ได้แล้วเหรอ จะตอบอะไร จริงนะคะ เป็นจริง ก็เอาเขียนลงมาตรงนี้ เมื่อไหร่ก็ตามที่ค่าความจริงเป็นจริง หรือเป็นเท็จ มันก็คือประพจน์นะ เขียนลงไปเลย วิว ต่อไปของวิวแล้วลูก เหลืออีก 2 ข้อสุดท้าย วิวจะต้องเป็นคนทำนะ เชิญค่ะ ดูพี่ล่าม ดูพี่ล่าม ดูประโยคนี้นะคะ ไปเดินเล่นกันไหม มันจะตอบว่าอะไร ตอบว่าจริง มีเพื่อนมาชวน ไปเดินเล่นกันไหม เธอก็ตอบว่าจริง เท็จ อย่างนี้เหรอ ใช่ไหม อันไหน หรือว่าตอบไม่ได้ ภาษามือสิลูก ไม่ชี้ เดี๋ยวพี่... มีคำว่า "จริง" "เท็จ" กับ "ตอบไม่ได้" อันไหน เอามาชี้ก็ได้ ตัวไหน ๆ จริง เท็จ กับตอบไม่ได้ ถูกไหมเพื่อน ๆ ถูกไหม ไม่ถูก อาย ช่วยเพื่อนหน่อย มันคืออะไรลูก ไปเดินเล่นกันไหม มีค่าความจริงไหม ครูให้เลือกอยู่ 3 Choice จริง เท็จ อันไหนคะ อันแรกคือจริง อันที่ 2 คือ เท็จ อันที่ 3 คือ ตอบไม่ได้ ประโยคนี้ ไปเดินเล่นกันไหม อันไหน ตอบไม่ได้ ไป ไปเขียน อายต้องช่วยอธิบายเรื่องของประโยคให้เพื่อนด้วยนะลูก เมื่อตอบไม่ได้ปุ๊บ มันก็คือไม่เป็นประพจน์นะคะ ข้อสุดท้ายนะคะ ข้อสุดท้ายแล้ว ดูพี่ล่าม ดูพี่ล่าม ประโยคนี้ ช่วยเปิดประตูด้วย มันเป็นประโยคอะไร ช่วยนะลูก ช่วย มันเป็นประโยคขอร้อง เพราะฉะนั้น เลือกอันไหนคะ มันมีค่าความจริงไหม มันมีค่าความจริงหรือเปล่า ถูกต้องนะคะ ตอบไม่ได้ มันเป็นประโยคขอร้องนะคะ เป็นประโยคขอร้อง เมื่อมันตอบไม่ได้ปุ๊บ เมื่อมันตอบไม่ได้ปุ๊บเลยนะลูก คือ มันหาคำตอบไม่ได้ เพราะฉะนั้น มันจะไม่เป็นประพจน์นะคะ มันจะไม่เป็นเลย เพราะฉะนั้น เขียนไม่เป็นประพจน์ ลงมาต่อไปโยคนี้นะคะ หมดแล้ว วันนี้เราทำแบบฝึกนะคะ จากที่ช่วยกันคิด แล้วก็ที่ลูก ๆ ออกมาเขียน อันนี้เป็นประโยคง่าย ๆ นะคะ นักเรียนสงสัย มีคำถามไหมคะ มีคำถามไหม เข้าใจไหม เข้าใจนะ เข้าใจมากหรือน้อยลูก เข้าใจ เข้าใจนี่ ไม่รู้ว่ามากหรือน้อยใช่ไหม อันนี้เป็นเรื่องใหม่นะสำหรับเรา ครูเข้าใจนะคะ บางทีเราเรียนภาษาไทยมา เราไม่ได้เรียนเรื่องของโครงสร้างประโยคต่าง ๆ บางครั้งภาษามือกับการเขียนประโยคนะคะ มันอาจจะไม่เหมือนกัน ลูก ๆ ต้องมาอ่าน แล้วทำความเข้าใจกับประโยคที่ครูเขียน ครูก็พยายามเขียนประโยคที่มันสั้น ๆ นะคะ เพื่อที่จะให้นักเรียนเข้าใจ วันนี้เรามาสรุปกันเลยนะคะ ความหมายของประพจน์นะ วัตถุประสงค์ข้อแรกของเรา จากที่เราเรียนนะคะ จากที่เราเรียนมา อย่างเพิ่งเขียนลูก ดูนะคะ อย่าเพิ่งเขียนนะ วันนี้จากที่เราเรียนมา เรื่องของประพจน์นะคะ ความหมายเขาคืออะไร ประพจน์นะคะ คือ ประโยคหรือว่าข้อความก็ได้นะคะ ที่อยู่ในรูปของประโยคบอกเล่า หรือประโยคปฏิเสธ ที่มีค่าความจริงเป็นจริงหรือเป็นเท็จ อย่างใดอย่างหนึ่งนะคะ อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ อันนี้คือความหมายของประพจน์ ทีนี้ วัตถุประสงค์ข้อที่ 2 ที่ครูให้ลูก ๆ จำแนกนะคะ หรือว่าบอกว่าประโยคนี้เป็นประพจน์ หรือไม่เป็นประพจน์ได้ ที่นักเรียนทำแบบฝึกมา ในตัวอย่างที่ครูพาทำนี่ 4 ข้อนะคะ ที่อยู่ในกรอบกับที่อยู่บนกระดาน 10 ข้อ นักเรียนพอเข้าใจไหม ว่าวิธีการสรุป ว่ามันเป็นประพจน์หรือไม่เป็นประพจน์นะคะ มีอยู่ 2 ขั้นตอนแค่นั้นเองลูก เราจะต้องไปดูโครงสร้างของประโยคนะคะ ว่าเป็นประโยคบอกเล่าหรือประโยคปฏิเสธ ถ้าเป็นประโยคอย่างอื่นปุ๊บ ไม่ใช่ประพจน์แล้ว ตัดออกไปเลย แต่ทีนี้ ถ้ามันเป็นประโยคเล่าหรือเป็นประโยคปฏิเสธนะคะ มีค่าความจริง มีอยู่ 2 ค่าเท่านั้น ก็คือ เป็นจริงกับเป็นเท็จ อันนี้สรุปได้เลยว่ามันเป็นประพจน์นะคะ เข้าใจนะ นักเรียน ให้นักเรียนเขียนคำตอบนะคะ บนกระดานลงไปในสมุดของตัวเอง เสร็จแล้วก็บันทึกสรุปความหมายของประพจน์นะคะ ลงไปที่สมุดของตัวเอง โอเคนะ เชิญค่ะ ค่ะลูกคะ วันนี้เวลาหมดแล้วนะคะ เดี๋ยวไปเรียนวิชาของคุณครูอะไรเอ่ย ต่อไปเรียนวิชาของใคร วิชาอะไรลูก ต่อไปเรียนกับใคร กับครูกิ๊บนะคะ โอเค ลูก เวลาหมดแล้ว เดี๋ยวเก็บของก่อนนะ เก็บของให้เรียบร้อย เก็บเก้าอี้ เก็บโต๊ะนะคะ ให้เป็นระเบียบ เราเจอกันอีกครั้งสัปดาห์ต่อไปนู่นเลยนะคะ สัปดาห์หน้าครูไม่อยู่นะคะ คุณครูไม่อยู่ เพราะฉะนั้น สัปดาห์ต่อไปอีก แล้วเพื่อน ๆ ก็กลับมาจากแข่งกีฬาเรียบร้อยแล้วนะ เดี๋ยวเรามาเรียนด้วยกัน โอเค ขอบคุณค่ะ ขอบคุณน้องล่ามมากนะคะ ขอบคุณค่ะ [สิ้นสุดการถอดความ]