สวัสดีครับสวัสดีพี่ลาภนะครับ สวัสดีนักเรียนทุกคนครับ เคครับ ครับผมวันนี้คุณครูจะสอนเรื่องระดับของภาษานะครับเดี๋ยวจะให้เดี๋ยวคุณครูจะสอนไปด้วยแล้วก็อธิบายความหมายของแต่ละ กาฬสินธุ์ไปด้วยแล้วก็ให้นักเรียน จดลงในสมุดที่คุณครูแจกให้นะครับ อันแรกนะครับก่อนที่จะเรียนระดับของภาษาเรามารู้จักความหมายของภาษากันก่อน ภาษานะครับนอกจากจะเป็นเครื่องมือในการสื่อสารให้ความรู้ความคิดความรู้สึก ทัศนคติแล้วนะครับยังใช้สร้างความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์นะครับ มนุษย์ใช้ภาษาโดยคำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างกัน โอกาสกาละเทศะและบุคคล ภาษาจึงมีลักษณะแตกต่างกัน เป็นหลายระดับนะครับเพื่อให้สัมฤทธิ์ผลสมความมุ่งหมายนะครับ ต่อไปนะครับเราจะมาดูระดับของภาษากัน ระดับของภาษานะครับคือรูปแบบการใช้ภาษาที่มีความลดหลั่น ของถ้อยคำนะครับตามโอกาสกาละเทศะ และความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลเช่น การใช้คำสรรพนามว่า ข้าพระพุทธเจ้าข้าพเจ้ากระผมดิฉัน ผมฉันหนูค่า คำที่ใช้แทนตัวผู้พูดเหล่านี้นะครับแสดงถึงระดับ ภาษานะครับว่ามีความแตกต่างกันถึงแม้ว่าจะเป็นภาษา ที่เป็นบุคคลเดียวกันนะครับ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้ภาษานั้นจะเป็นบุคคลเดียวกัน ประมาณนั้นนะครับ เดี๋ยวให้นักเรียนจดลงในสมุดเลยนะครับ เขียนลงในสมุดที่คุณครูแจกให้เลยนะ ok นะครับ ระดับภาษานะครับคุณครูก็ได้อธิบายความหมายครั้งแรกไปเกาะไปแล้วนะครับเดี๋ยวคุณครูจะอธิบายให้ฟังอีกครั้งนึงนะเพื่อที่นักเรียนจะได้เข้าใจด้วยนะครับระดับภาษานะครับ อ๋อตอนนี้สัญญาณพี่ล่าม ช้าครับ นักเรียนนักเรียนดูดูไม่ได้ สัญญาหน้าจะช้าครับ ยังกระตุกอยู่เลยครับ โอเคนะครับโอเคนะครับ ครับผมระดับระดับภาษานะครับก็คือรูปแบบการใช้ภาษาที่มีความลดหลั่นของถ้อยคำนะครับ โอกาส กาลเทศะและความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลนะครับเช่นการใช้ถ้อยคำ การใช้คำสรรพนามที่ว่าข้าพเจ้าข้าพเจ้าข้าพเจ้า กระผมดิฉัน ผมฉันหนูค่าคำที่ใช้แทนผู้พูดเหล่านี้นะครับแสดงถึงระดับของภาษาว่ามีความแตกต่างกันถึงแม้ว่าผู้ใช้ภาษาจะเป็นบุคคลเดียวกันก็ตามนะครับยกตัวอย่างเช่นนะคะถ้าสมมุติว่า คุณครูเองจะไปสนทนากับ พระสงฆ์ คุณครูก็ต้องใช้คำ พี่ กลับ ค่าส่งอีกระดับนึงใช่ไหมครับแล้วบอกว่าพระสงฆ์กินข้าวหรือยังอย่างนี้ได้ไหมครับ ไม่ได้นะครับต้องใช้คำว่าฉันข้าวหรือยังนะครับ อาไปนะครับการแบ่งระดับของภาษาเนาะการแบ่งระดับของภาษา ภาษาไทยมีวัฒนธรรมในการใช้ภาษานะครับต้องเปลี่ยนระดับภาษาให้เหมาะสมกับกาละเทศะและบุคคล เพื่อใช้ภาษาต่างเวลาต่างสถานที่และต่างคณะบุคคลกัน ต้องเลือกสรรใช้ถ้อยคำต่างๆกันทั้งๆที่ต้องการให้มีความหมายอย่างเดียวกัน ภาษาอาจแบ่ง เป็นระดับต่างๆได้หลายระดับ นะครับเดี๋ยวเราไปดูว่าจะแบ่งเป็นกี่ระดับเดี๋ยวตอนนี้ให้นักเรียนจดลงในสมุดก่อนนะครับ ok นะครับการแบ่งระดับของภาษานะครับเดี๋ยวเรามาดูว่า มันจะมีกี่รูปแบบนะครับ การแบ่งระดับของภาษานะคะข้อที่ 1 ก็คือแบ่งตามโอกาสความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลเป็น 2 ระดับนะครับ หนึ่งก็คือระดับที่เป็นทางการหรือเป็นแบบแผน 2 ระดับที่ไม่เป็นทางการหรือไม่เป็นแบบแผนนะครับ ให้นักเรียนเขียนลงสมุดเลยนะครับ เพราะว่า ทำไมกูต้องให้นักเรียนเขียน เมื่อกี้กูก็อธิบายให้กับนักเรียน 4/1 ฟังแล้วนะครับ ก็คือ สมุดนักเรียนไปอยู่ที่อื่นนะครับนักเรียนจะต้องมีการเขียนสื่อสารกับ คนที่เขาไม่รู้จักภาษามือด้วยนะครับจะได้เขียนเป็นด้วยฝึก ฝึกเขียนถ้านักเรียนไม่เข้าใจอันไหนนะครับ นักเรียนจะต้องถามคุณครู ครับผม ลงสมุดเลยนะครับ โอเคครับเป็นไงบ้างครับเสร็จหรือยัง ไม่เหมือนบางคนที่ยังไม่เสร็จนะครับ เหลืออีกเยอะไหมครับ เยอะไหม ต่อไปนะครับข้อที่ 2 นะครับแบ่งตามโอกาสนะครับและความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลเป็น 3 ระดับ จะมีระดับพิธีการ ระดับกึ่งพิธีการ ระดับไม่เป็นพิธีการนะครับ เขียนลงไปในสมุดเลยนะครับ ครับผม ต่อไปนะครับแบ่งตามกาละเทศะนะครับและความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลนะครับเป็น 5 ระดับ ก็คือระดับ วิธีการระดับทางการระดับกึ่งทางการ ระดับไม่เป็นทางการ ระดับกันเองนะครับ นักเรียนค่อยๆเขียนลงในสมุดนะให้อ่านออกนะคะเดี๋ยวคุณครูจะให้นักเรียนอ่านทบทวนอีกนะครับ อ่านนะครับ เมื่อทราบแล้วนะครับว่าภาษาสามารถแบ่งออกได้เป็นกี่ระดับ ไม่สามารถควบคุมระดับภาษามากที่สุดนะครับเดี๋ยว จะขออธิบายระดับภาษาที่แบ่งออกเป็น 5 ระดับนะครับ คือ 1 ภาษาระดับพิธีการ ภาษาระดับทางการ ภาษาระดับกึ่งทางการ 4 ภาษาระดับทางการระดับสนทนานะครับ ข้อที่ 5 ก็คือภาษาระดับกันเองนะครับหรือระดับ ภาษาปากนะครับ ให้นักเรียนจดลงในสมุดนะครับแล้วตรวจเสร็จปุ๊บเราก็จะมาดูว่า ภาษาระดับพิธีการความหมายมันคืออะไรนะครับ ok นะครับต่อไปนะครับเรามารู้ความหมายของภาษาระดับพิธีการนะครับว่า มีอะไรนะครับ ภาษาระดับพิธีการนะครับภาษาระดับนี้นะครับใช้โอกาสสำคัญ ประชุมแบบพิธีการผู้ส่งสารมักเป็นบุคคลสำคัญหรือผู้มีตำแหน่งสูงนะครับ ผู้รับสารอาจจะเป็นบุคคลระดับเดียวกันหรือประชาชนทั้งประเทศ ภาษาระดับนี้เป็นภาษาที่มี ความประณีตไปครับไพเราะมีความอลังการ การเลือกเฟ้นหาถ้อยคำมักก่อให้เกิดความจรรโลงใจเช่น การกล่าวเปิดประชุม การกล่าวถวายราชสดุดีนะครับ การกล่าวปราศรัยนะครับ ครับผมเดี๋ยวให้นักเรียนเขียนถึงภาษาระดับพิธีการถึงตรงนี้นะครับเดี๋ยว เดี๋ยว 9 ถึงเวลากินข้าวแล้ว สุดท้ายแล้วนะครับผมวันนี้เรามารู้จักความหมายของภาษาระดับพิธีการไปก่อนเดี๋ยวชั่วโมงหน้าเราจะมารู้ความหมายของคนอื่นนะครับ ok ครับ ครับเดี๋ยวเราจะค้างไว้ตรงที่ภาษาระดับพิธีการก่อนเนาะ เราจะเข้าไปตรงนี้ก่อนแล้วก็เดี๋ยวจะให้นักเรียนไปกินข้าวแล้วนะคะเพราะว่าถึงเวลากินข้าวก่อนนักเรียนแล้ว ขอบคุณพี่หล้านะครับ สวัสดีนักเรียนครับสวัสดีครับ วันนี้หมดเวลาแค่นี้ครับ